วันอาทิตย์ที่ 14 สิงหาคม พ.ศ. 2554

ข่าวไอที


        ร้านค้าปลีกสินค้า "ไอที" ดิ้นหนีตาย รวมกลุ่มยื่นข้อเสนอขอความช่วยเหลือ "คอมพิวเตอร์แบรนด์ดัง" ขยับ "มาร์จิ้น" โน้ตบุ๊ก คาดปลายไตรมาส 3 สินค้ารุ่นใหม่-ลอตใหม่ขึ้นราคา 5% "เลอโนโว" ยอมรับรายย่อยอยู่ยากแต่ช่วยได้ไม่เยอะ หวั่นกระทบกำลังซื้อ ผู้บริโภค ฟาก "เอเซอร์" ใช้วิธีเพิ่มรุ่นเพิ่มความหลากหลายสินค้าระดับกลาง-บน ดันร้านค้าปรับพอร์ตขายโน้ตบุ๊กราคา 2 หมื่นอัพมากขึ้น

         แหล่งข่าวจากวงการคอมพิวเตอร์เปิดเผย "ประชาชาติธุรกิจ" ว่า เดือนที่ผ่านมา กลุ่มร้านค้าปลีกรายย่อยได้ขอความร่วมมือไปยังบริษัทผู้ผลิตคอมพิวเตอร์ แบรนด์ดังเกือบทุกแบรนด์ขอให้ปรับโครงสร้างกำไรสินค้า โดยเฉพาะโน้ตบุ๊กให้สูงขึ้นเพื่อช่วยเหลือร้านค้ารายเล็กให้ค้าขายได้และอยู่รอดในธุรกิจไอที เพราะเดิมกำไรจากการขายสินค้าไอทีค่อนข้างสูง แต่ตลอด 5 ปีที่ผ่านมา ลดลงต่อเนื่องจนเหลือไม่กี่ร้อยบาท ในเบื้องต้นคาดว่าสินค้าลอตใหม่ที่จะเข้าสู่ตลาดปลายไตรมาส 3 จะมีราคาขายปลีกในทุกช่องทางสูงขึ้นประมาณ 5% เดิมตั้งราคา 19,900 บาท อาจขยับขึ้นเป็น 20,900 บาท เป็นต้น

     "ต้องประเมินอีกทีว่าผลกระทบกับยอดขายและคอนซูเมอร์มากน้อยขนาดไหน หากปรับราคาขึ้นแล้ว ผู้บริโภคซื้อน้อยลงก็ต้องกระทบร้านค้าอยู่ดี แต่ตอนนี้ร้านค้าขอความร่วมมือมาเราก็ช่วยเหลือ เพราะถ้าร้านค้าอยู่ได้ เราก็อยู่ได้ มิเช่นนั้นจะกระทบกันหมด"
         ด้านนายจีรวุฒิ วงศ์พิมลพร กรรมการผู้จัดการประจำประเทศไทย บริษัท เลอโนโว (ประเทศไทย) กล่าวกับ "ประชาชาติธุรกิจ" ว่า การขอความร่วมมือของกลุ่มผู้ค้ารายย่อยเกิดจากการขายสินค้าไอที โดยเฉพาะการจำหน่ายโน้ตบุ๊กในปัจจุบันมีกำไรน้อยมาก เฉลี่ย 300-500 บาท เนื่องจากสินค้ามีความแมสมากขึ้น ผู้ค้ารายใหญ่ที่สั่งซื้อจำนวนมากมีโอกาสอยู่รอดมากกว่า ขณะที่ร้านเล็กซึ่งมีกว่า 1,000 รายทั่วประเทศประสบปัญหาต้องขอความร่วมมือให้เจ้าของแบรนด์ช่วยเหลือ
         สำหรับเลอโนโวอยู่ระหว่างการพิจารณาว่าสินค้ารุ่นใดสามารถปรับราคาได้บ้าง แต่คงขึ้นได้ไม่กี่ร้อยบาทส่วนใหญ่เป็นสินค้ารุ่นใหม่มาพร้อมเทคโนโลยีใหม่ที่กำลังจะเข้าสู่ตลาด ซึ่งปกติสินค้ารุ่นใหม่จะมีราคาแพงกว่ารุ่นที่วางจำหน่ายในปัจจุบัน ดังนั้นผู้บริโภคจึงไม่รู้สึกถึงการเปลี่ยนแปลงมากนัก
       "ร้านค้ารายย่อยไม่ได้มีเงื่อนไขว่า แบรนด์ใดไม่ช่วยเหลือจะดำเนินการอย่างไร แต่เราก็ต้องให้ความช่วยเหลือ ถ้าเขาอยู่ไม่ได้ เราก็อยู่ไม่ได้ แต่หากขึ้นราคามากจนผิดปกติก็ไม่ได้ เพราะผู้บริโภคจะไม่ซื้อสินค้าอยู่ดี ทุกอย่างเป็นกลไกลทางการตลาด"
        นายบุญชัย เงาวิศิษฏ์กุล รองผู้อำนวยการฝ่ายบริหารผลิตภัณฑ์ คอนซูเมอร์ บริษัท เอเซอร์ คอมพิวเตอร์ กล่าวว่า กลุ่มร้านค้ารายย่อยเข้ามาคุยกับเอเซอร์เช่นกัน เนื่องจากประสบปัญหาจากสภาพการแข่งขันตัดราคาทำให้ได้กำไรไม่คุ้มค่ากับต้นทุนที่เพิ่มขึ้น ทั้งกำไรสินค้าไอทียังลดลงตามแนวโน้มราคาสินค้าที่ลดลง เช่นปีที่ผ่านมาราคาเฉลี่ยโน้ตบุ๊กอยู่ที่ 22,000 บาท มีกำไร 6-7% แต่ปีนี้ลดลงเหลือ 19,000 บาท
         สำหรับแนวทางของบริษัทคือ ผลักดันให้ร้านค้าขายสินค้าระดับกลางถึงบนมากขึ้น หรือโน้ตบุ๊กราคาตั้งแต่ 20,000 บาท เนื่องจากกำไรสูงกว่าจากเดิมร้านค้ารายย่อยเน้นขายโลว์เอนด์เป็นหลัก โดยในครึ่งปีหลังเอเซอร์จะเพิ่มรุ่นและความหลากหลายของสินค้าระดับกลางถึงบนมากขึ้นเพื่อช่วยเหลือดีลเลอร์ คาดว่า ในสิ้นปีจะมียอดขายสินค้าระดับกลางถึงบนคิดเป็นสัดส่วน 40% รุ่น โลว์เอนด์ 60% จากปัจจุบันสินค้าระดับกลางขึ้นไปมีสัดส่วนการขาย 30%
      "สิ่งที่เราฟีดแบ็กร้านค้าคือ ให้โฟกัสสินค้าระดับกลางมากขึ้น เพราะการเพิ่มมาร์จิ้นเป็นสิ่งที่ทำได้ยาก สุดท้ายเป็นเรื่องของการแข่งขันในตลาดอยู่ดี เพราะตลาดเป็นตัวกำหนดโครงสร้างของราคาและการแข่งขัน"

ขณะที่นายนิธิพัทธ์ ประวีณวงศ์วุฒิ ผู้จัดการอาวุโสฝ่ายการตลาด บริษัทเดียวกันเสริมว่า การเพิ่มกำไรไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะธุรกิจไอทีมีการแข่งขันสูงมาก หากไม่มีการควบคุมราคาสินค้าทุกช่องทางจำหน่ายอย่างดี ปัญหาการ ตัดราคาจะยังมีเหมือนเดิม แม้จะขยับกำไรสูงขึ้น โดยปัจจุบันกำไรของโน้ตบุ๊ก รุ่นทั่วไปโดยเฉลี่ยอยู่ที่ 7-10% รุ่นไฮเอนด์อยู่ที่ 15-20%
"ลูกค้าอาจได้รับผลกระทบจากราคาที่สูงขึ้น แต่อีกด้านถือเป็นการช่วยร้านค้ารายเล็กที่ไม่มีสายป่านยาว สุดท้ายขึ้นกับสภาพการแข่งขันอยู่ดี การช่วยเหลือตรงนี้ช่วยได้ระดับหนึ่งเท่านั้น"
       ปัจจุบันเอเซอร์มีดีลเลอร์หลัก ๆ ในต่างจังหวัดภูมิภาคละ 20-30 ราย มี นโยบายราคาเดียวเหมือนกันทั้งประเทศ รวมถึงมีการนำระบบซอฟต์แวร์บริหารจัดการสินค้ามาใช้กับร้านค้าดีลเลอร์ทั้งหมดทำให้ควบคุมราคาขายในทุก ช่องทางจำหน่ายได้

credit by>>http://www.prachachat.net/news_detail.php?newsid=1312617079&grpid=&catid=06&subcatid=0600


2.  Google+ ถูกเปิดตัวอย่างเป็นทางการใน iPad และ iPod Touch 

   
หน้าหลักกูเกิลพลัส                                                                      ฟีเจอร์หลักๆ คล้ายคลึงกับบนแอนดรอยด์ 


        หลังจากที่ก่อนหน้านี้กูเกิลพลัส (Google Plus) บริการด้านโซเชียลเน็ตเวิร์ก ตัวใหม่ล่าสุดในวงการ ได้เปิดตัวแอปพลิเคชันสำหรับผู้ใช้งานบนไอโฟน (iPhone) สมาร์ทโฟนยอดนิยมแล้ว ล่าสุดผู้พัฒนาได้เปิดตัวแอปพลิเคชันกูเกิลพลัส สำหรับการใช้งานบนแท็บเลตอย่างไอแพด (iPad) และเครื่องเล่นเพลงไอพอด ทัช (iPod Touch) พร้อมเพิ่มฟีเจอร์ใหม่แตกต่างจากบนแอนดรอยด์เล็กน้อย       
       เมื่อปลายเดือนที่แล้ว กูเกิลพลัส ถูกบรรจุลงแอปสโตร์แต่เป็นเฉพาะบนไอโฟนเท่านั้น รายงานล่าสุดทางแอปเปิลได้ทำการรับรองให้กูเกิลพลัส สามารถใช้งานได้บนไอแพด และไอพอด ทัช เป็นที่เรียบร้อยแล้ว นอกจากนี้บนแพลตฟอร์มไอโอเอส ได้เพิ่มฟีเจอร์ในส่วนของบริการแชทแบบกลุ่ม หรือที่เรียกว่า Huddle เข้าไปอีกด้วย
      
       ฟีเจอร์ที่ถูกเพิ่มเติมเข้ามาในบริการแชทแบบกลุ่ม นั่นคือ ผู้ใช้สามารถปฎิเสธการร้องขอการสนทนาจากผู้ใช้บางรายได้ แทนที่จะเป็นการบล็อคผู้ใช้รายใดรายหนึ่ง
      
       นอกจากนี้มีข้อสังเกตเพิ่มเติม นั่นคือ อินเตอร์เฟสกูเกิลพลัส บนไอแพด ไม่ได้ถูกออกแบบให้เหมาะสมกับแท็บเลตจากค่ายผลไม้โดยเฉพาะ แต่ทางผู้พัฒนาอย่างกูเกิลได้ใช้วิธีการเพิ่มขนาดของการแสดงผลเป็น 2 เท่าแทน ซึ่งเป็นที่น่าสนใจว่าการออกแบบแอปพลิเคชันกูเกิลพลัส ลงสู่ไอแพดดังกล่าว นั่นเป็นเพราะไอแพดเป็นคู่แข่งทางการค้าด้านแท็บเลตกับกูเกิลโดยตรง ทำให้การออกแบบตรงจุดนี้มีความแตกต่างกัน
      
       อย่างไรก็ตามแอปพลิเคชันกูเกิลพลัสนี้ยังไม่สามารถดาวน์โหลดได้ในแอปสโตร์ไทย


Credit by >>http://www.manager.co.th/CyberBiz/ViewNews.aspx?NewsID=9540000099063

Ghostscrip

วิธีการใช้โปรแกรม Ghostscrip

1. ขั้นแรก  คุณจะต้องเตรียมดาวน์โหลดและติดตั้งซอฟต์แวร์ฟรีต่อไปนี้   AFPL Ghostscript  และ Ghostview
2. ติดตั้งพรินเตอร์ชนิด Phostscript ขึ้นมาหนึ่งตัวครับ เอาตัุวใดก็ได้ แล้วสั่งให้ปลายทางออกไปยังไฟล์


ข้างบนนี้เป็นตัวอย่างที่ผมได้ติดตั้ง HP LaserJet 4P/4MP ขึ้นหนึ่งตัว  ซึ่งจะสั่งพิมพ์ออกไฟล์ (สังเกตรูปแผ่นดิสก์ที่ไอคอน) ทั้งนี้ไม่ต้องห่วงว่าเราจะมีเครื่องพิมพ์ดังกล่าวต่อจริงหรือไม่นะครับ เราต้องการเพียงแต่ไดรเวอร์และการจัดการของวินโดวส์ให้
จัดการสร้างไฟล์ชนิด Postscript เท่านั้นเองครับ

3. จากนั้น  เราก็ไปเซ็ตให้พรินเตอร์ดังกล่าวได้พิมพ์ในโหมดที่โปรแกรม ghostscript จะรองรับได้  โดยกระทำดังต่อไปนี้


หากเราเซ็ตพรินเตอร์ตัวนี้ให้เป็น Default printer แล้วต้องการให้มีผลทันที  ให้ทำดังนี้
  1. ในไดอะล็อกบ็อกซ์กำหนดการพิมพ์  ให้เลือกเครื่องพิมพ์เป็นตัวที่เรากำหนด(ถ้าไม่ได้เซ็ตเป็น Default printer) แล้วกดเลือก Properties ของเครื่องพิมพ์ดังกล่าว
  2. ในไดอะล็อกบ็อกซ์ของการเซ็ตเครื่องพิมพ์  เลือกแท็ป Paper/Quality เลือก Advanced...   อนึ่ง ใน XP servicepack2 จะมีหน้าตาเปลี่ยนไปเล็กน้อย  คือ ใน Properties ของเครื่องพิมพ์ ให้กดเลือกปุ่้ม Printing Preferences... ที่อยู่ด้านล่าง  ภายในไดอะล็อกซ์บ็อกซ์ของ Printing Preferences จึงเลือกแท็ป Paper/Quality แล้วกดปุม Advanced...
  3. ใน Advanced Options เลือก Document Options/Postscript Options ที่ค่า Postscript Output Option ให้เลือกเป็น Optimized for Portability (ในการเซ็ตบน Win95/98/me หน้าตาอาจจะแตกต่างไปบ้าง แต่จะมีตัวเลือกเกี่ยวกับ Postscript แบบเดียวกันครับ)
  4. กด OK ไล่กลับไปทั้งหมด เพื่อสั่งพิมพ์
ในกรณีที่เราต้องการเซ็ตค่านี้ไว้ล่วงหน้า  เผื่อว่าเราจะเปลี่ยน Default printer ไปเป็นอย่างอื่น แล้วกลับมาใช้พรินเตอร์ตัวนี้สร้างไฟล์ในภายหลัง เราจะต้องกระทำเพิ่มเติมดังนี้
  1. ในไดอะล็อกบ็อกซ์กำหนดการพิมพ์   ให้เลือก Properties ของเครื่องพิมพ์ตัวนี้
  2. ในไดอะล็อกซ์บ็อกซ์ของ Properties ของพรินเตอร์  ให้เลือกแท็ป  Advanced...  แล้วกดปุ่ม Printing Defaults....
  3. ภายในไดอะล็อกซ์บ็อกซ์ของ Printing Preferences จึงเลือกแท็ป Paper/Quality แล้วกดปุม Advanced...
  4. ใน Advanced Options เลือก Document Options/Postscript Options ที่ค่า Postscript Output Option ให้เลือกเป็น Optimized for Portability (หน้าตาเป็นอย่างเดียวกับขั้นตอนที่ 3 ของการเซ็ตสำหรับ Default Printer)
  5. เมื่อเซ็ตเสร็จแล้วให้กด Apply เพื่อเก็บไว้ใช้ในโอกาสต่อๆ ไป

4. เมื่อสั่งพิมพ์ ก็จะมีไดอะล็อกบ็อกซ์มาเพื่อให้เราเลือกชื่อไฟล์ที่จะเก็บ  ให้ตั้งชื่ออะไรไว้ก่อนก็ได้ครับ วินโดวส์จะเติมนามสกุล .prn ให้เราอัตโนมัติ (ไม่ว่าเราจะใส่นามสกุลอะไรไว้ มันจะต่อด้วย .prn เสมอครับ


จากตัวอย่างข้างบน เราสร้างไฟล์ชื่อ test (มันจะต่อ .prn ให้ทีหลัง)

5. ไฟล์ที่เราได้มานี้  เป็นไฟล์ในฟอร์แมต Postscript แล้วครับ เพียงแต่มันใช้นามสกุล .prn เท่านั้น  สิ่งต่อไปที่เราต้องทำก็คือ เปลี่ยนนามสกุลให้เป็น .ps ด้วยการ rename ตามปกติครับ


6. เมื่อเราติดตั้ง Ghostscript และ Ghostview เรียบร้อยแล้ว เราเพียงแต่ดับเบิลคลิกที่ไอคอนของไฟล์ของเราที่ explorer มันก็จะเปิด GSView ให้เราอัตโนมัติ หรือเราจะเปิด GSView เองแล้วใช้เมนู File/Open ก็ได้ครับ


ต่อไปจะเป็นการแปลงไฟล์จากฟอร์แมต .ps เป็น .pdf  เราเลือกเมนู File/Convert...

7. ที่ไดอะล็อกบ็อกซ์ Convert เราจะเห็นว่าที่ช่อง Device มันมาร์กที่ pdfwrite แล้ว ซึ่งนั่นก็คือแปลงเป็นไฟล์ชนิด .pdf ครับ

ช่อง Resolution กำหนดความละเอียดเครื่องพิมพ์ปลายทางที่เหมาะสม ปกติเราจะใช้ค่า 600dpi สำหรับการพิมพ์แบบคุณภาพ
300dpi แบบทั่วไป และ ต่ำกว่าสำหรับพิมพ์แบบร่าง  ค่าที่เซ็ตจะมีผลโดยตรงต่อคุณภาพของรูป เพราะรูปจะถูกลดขนาดโดย
คำนวณจาก dpi ปลายทางนี้ เพื่อให้ไฟล์ภาพที่เก็บ  ไม่ละเอียดเกินกว่าความจำเป็น  ทำให้ไฟล์นามสกุล .pdf สามารถลดขนาด
ลงได้  ยิ่งเราเซ็ตค่าน้อยเท่าใด  ไฟล์จะยิ่งเล็กลง แต่คุณภาพก็จะต่ำตามไปด้วย

ช่อง pages บอกถึงจำนวนหน้าที่พิมพ์

จากนั้นเราก็กด OK เพื่อสั่งแปลงไฟล์




8.  จะมีไดอะล็อกบ็อกซ์เปิดขึ้นมาอีกตัวหนึ่ง  คราวนี้เราใส่ชื่อไฟล์ พร้อมนามสกุล .pdf ลงไปเลยครับ (คราวนี้ต้องใส่นามสกุลเองนะครับ ไม่งั้นก็เพียงแต่ไปแก้ชื่อไฟล์เติมนามสกุลในภายหลัง)


9. เป็นอันเสร็จสิ้น  เราได้ไฟล์ในฟอร์แมต .pdf มาเรียบร้อยแล้ว  ซึ่งเราสามารถใช้ Acrobat Reader เปิดได้อย่างถูกต้องครับ


credit by >>http://thanwa.cpe.mut.ac.th/howto/pdf/



วิดิโอตัวอย่างการใช้โปรแกรม

วันอาทิตย์ที่ 7 สิงหาคม พ.ศ. 2554

ดาราหรือนักร้องที่ชื่นชอบ ลำดับ1-5

ดาราหรือนักร้องที่ชื่นชอบ
  1.  ตูน บอดี้สแลม
    เป็นคนที่เป็นตัวอย่างที่ดีให้กับวัยรุ่นและยังมีพลังเสียงที่ทรงพลังในการร้องเพลง กตัญญูต่อพ่อแม่อีกด้วย





2. พอลล่าเทเลอร์                                                               
      เป็นคนที่ยิ้มสวยมามีเสน่ห์ สวยน่ารัก  เล่นละครเก่ง อาจจะพูไทยไม่ค่อยชัดแต่ก็ยังดูน่ารัก







3.    แอ๊บ ทักษอร             

เป็นคนที่เล่นละครเก่งมาก สวยและน่ารัก ชอบบทบาทในเรื่องพระนเรศวรและยิ้มเก่ง สวยแบบไทยๆ

4.อั้ม พัชราพา
     เป็นนางเอกที่ตลก ขี้เล่น กล้าที่จะทำตัวไม่สวยเป็นที่รักคนคนทั่วไปและสวยมาก

5. ปั๊บ โปเตโต้                                                                                                                                        
ปั๊ปเป็นคนที่ร้องเพลงเพราะมาก ไม่ว่าจะเป็นเพลงอะไร จะเป็นเพลงที่ติดหูวัยรุ่นไปอีกนาน


ภาพยนต์ที่ชื่นชอบ 5 ลำดับ




ภาพยนต์ที่ชื่นชอบ

1.


ชอบเพราะเป็นหนังที่มีจินตนาการสูงทำ
ให้เราอยากเข้าไปอยู่ในหนังด้วย
2
เป็นหนักประวัติศาสตร์ไทยที่ทำให้ดู
สนุกและยังได้ความรู้เรื่องประวัติศาสตร์อีกด้วย
3.

เป็นหนังที่ล้ำสมัยและสามารถทำได้
จริงในอนาคต และต่อสู้กันมันด้วย
4.
เป็นหนังทามตามความฝันที่ดูแล้วไม่เครียด
พระเอกหล่อนางเอกสวย










5.
เป็นหนังที่ไม่ได้ตั้งใจเข้าไปดูแต่พอไปดูแล้ว
กันสนุกและน่าติดตามในภาคต่อๆไป

เนื้อเพลงและการแปลเพลง


Jesse McCartney

Just So You Know

I shouldn't love you but i want to
I just can't turn away
I shouldn't see you but i can't move
I can't look away

And i dont know how to be fine when i'm not
Cause i don't know how to make the feelings stop

Just so you know
This feelings takin control
Of me and i can't help it
I wont sit around
I can't let him win now
Though you should know
I've tryed my best to let go of you
But i don't want to
I just gutta say it all before you go
Just so you know

It's gettin hard to
Be around you
Theres so much i can't say
And do you want me to hide the feelings
And look away

And i dont know how to be fine when i'm not
Cause i don't know how to make the feelings stop

Just so you know
This feelings takin control
Of me and i can't help it
I wont sit around
I can't let him win now
Though you should know
I've tryed my best to let go of you
But i don't want to
I just gutta say it all before you go
Just so you know

This emptyness is killin me
I'm wonderin why i've waited so long
Lookin back i realize it was always there to be spoken
Now i'm waitin here
Been waitin here

Just so you know
This feelings takin control
Of me and i can't help it
I wont sit around
I can't let him win now
Though you should know
I've tryed my best to let go of you
But i don't want to
I just gutta say it all before you go
Just so you know

เนื้อหาเพลง

I shouldn't love you but i want to
ฉันไม่ควรรักเธอ แต่ฉันกลับอยากที่จะรัก
I just can't turn away
ฉันไม่อาจหันหลังกลับได้
I shouldn't see you but i can't move
ฉันไม่ควรได้พบเธอ แต่ฉันก็ไม่อาจหลีกเลี่ยงได้
I can't look away
ฉันหันหน้าหลบไม่ได้

And i dont know how to be fine when i'm not
ฉันไม่รู้จะทำอย่างไรให้ดีที่สุดในสถานการณ์เช่นนั้น
Cause i don't know how to make the feelings stop
เพราะฉันไม่อาจหยุดความรู้สึกได้

Just so you know
เธอจงรับรู้ไว้ด้วยว่า
This feelings takin control
 
ความรู้่สึกนี้สามารถควบคุม
Of me and i can't help it
 
ตัวฉันโดยที่ฉันไม่สามารถหลีกเลื่ยงได้
I wont sit around
 
ฉันจะไม่นั่งอยู่เฉย
I can't let him win now
จะไม่ยอมให้เขาเอาชนะฉันที่ได้เธอไป
Though you should know
เธอควรจะรับรู้ไว้
I've tryed my best to let go of you
ฉันพยายามอย่างที่สุดที่จะปล่อยวางจากเธอ
But i don't want to
แต่ฉันก็ไม่อยากทำเช่นนั้น
I just gutta say it all before you go
ฉันควรจะบอกเรื่องทั้งหมดก่อนที่ฉันจะจากไป
Just so you know
เธอควรจะรู้ไว้

It's gettin hard to
มันยากที่นักจะ
Be around you
อยู่ใกล้ ๆ เธอ
Theres so much i can't say
ฉันบอกอะไรเธอมากไม่ได้
And do you want me to hide the feelings
เธออยากให้ฉันซ่อนความรู้สึกไว้
And look away
แล้วหันไปสนใจอย่างอื่น

And i dont know how to be fine when i'm not
Cause i don't know how to make the feelings stop

Just so you know
This feelings takin control
Of me and i can't help it
I wont sit around
I can't let him win now
Though you should know
I've tryed my best to let go of you
But i don't want to
I just gutta say it all before you go
Just so you know

This emptyness is killin me
ความอ้างว้างกำลังจะฆ่าฉัน
I'm wonderin why i've waited so long
และฉันก็สงสัยว่า ทำไมฉันก็รอมานานแล้ว
Lookin back i realize it was always there to be spoken
เมื่อมองย้อนกลับไปฉันตระหนักถึงสิ่งที่ฉันพูดอยู่บ่อย ๆ
Now i'm waitin here
ฉันคอยเธออยู่ที่นี่
Been waitin here
คอยเธอที่นี้มาตลอด

Just so you know
This feelings takin control
Of me and i can't help it
I wont sit around
I can't let him win now
Though you should know
I've tryed my best to let go of you
But i don't want to
I just gutta say it all before you go
Just so you know

คำศัพท์ที่น่าสนใจ
Tried           =      พยายาม
Just Gutta   =      ควรจะ
Wait in       =      คอย
Wonder in   =      สงสัย
Emptiness   =      ความว่างเปล่า
waited        =      รอ
Though      =      คิด
Realize       =      ความจริง
Around       =      รอบๆ
Killin          =      ฆ่า






บุคคลที่ชื่นชอบทางด้าวิชาการ พระบาทสมเด็จจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว


                                                                       พระบาทสมเด็จจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว

พระราชสมภพ : 18 ตุลาคม พ.ศ. 2347สวรรคต          :   1 ตุลาคม พ.ศ. 2411ผลงาน             : 1. การวางพื้นฐานทางวิทยาศาสตร์ของประเทศไทย
                              1.1
สถาปนาระบบเวลามาตรฐานขึ้นในประเทศไทย
                       2.
ผลงานการวิจัย
                               2.1
การคำนวณหาตำแหน่งของดวงจันทร์ และดวงอาทิตย์
                               2.2
การคำนวณว่าจะมีการเกิดอุปราคาได้หรือไม่
                               2.3
การคำนวณว่าการเกิดอุปราคาที่หว้ากอ จะเกิดสุริยุปราคาในลักษณะใด
               พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงเป็นพระราชโอรสในพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย ประสูติแต่สมเด็จพระศรี สุเรนทรามาตย์ ณ พระราชวังเดิม ธนบุรี เมื่อวันที่ 18 ตุลาคม พ.ศ. 2347 ขณะประสูติสมเด็จพระราชบิดาดำรงพระยศเป็นพระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้ากรมหลวงอิศรสุนทร เมื่อพระราชบิดาขึ้นครองราชย์ เฉลิมพระบรมนามาภิไธยเป็น สมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัยแล้ว จึงเสด็จเข้ามาประทับในพระบรมหาราชวัง
              เมื่อพระชนมายุได้ 9 พรรษา ทรงได้รับสถาปนาเฉลิมพระยศเป็น สมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอเจ้าฟ้ามงกุฎสมมติเทววงศ์พงศ์อิศวรกษัตริย์ ขัตติยราชกุมาร  ทรงได้รับการศึกษาเยี่ยงขัติติยราชกุมารตั้งแต่เสด็จประทับ ณ พระราชวังเดิม  ทรงศึกษาวิชาสำคัญต่าง ๆ เช่นการฝึกหัดอาวุธ วิชาคชกรรม และทรงสนพระทัยในการศึกษาภาษาต่างประเทศเป็นอย่างมาก
             ด้านพุทธศาสนา เมื่อพระชนมายุครบอุปสมบทก็ทรงผนวช และผนวชอยู่นานตลอดรัชการที่ 3 ระหว่างจำพรรษา  วัดราชาธิวาสได้ทรงศึกษาวิชาการทางพุทธศาสนา ทรงแตกฉานในรพระไตรปิฎกเพราะทรงเชี่ยวชาญภาษาบาลีเป็นอย่างยิ่ง ทรงเห็นการปฏิบัติอันหย่อนยานของสงฆ์บางส่วนในสมัยนั้น จึงได้ทรงตั้งธรรมยุติกนิกายขึ้นเพื่อเป็นแบบอย่างแก่สงฆ์ ที่เคร่งครัด
การปฏิบัติต่อไป
              ในด้านวิชาการทั่วไป ทรงศึกษาวิชาโหราศาสตร์ภาษาละติน ภาษาอังกฤษ และความรู้ทั่วไปที่ถือกันว่าทันสมัย รวมทั้งทรงสนพระทัย เหตุการณ์บ้านเมืองที่เกิดขึ้นรอบบ้านเมืองของเราตลอดเวลา
              เมื่อพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว  รัชกาลที่ 3  เสด็จสวรรคต  บรรดาพระบรมวงศ์ศานุวงศ์ เสนาบดี  และ ข้าราชการผู้ใหญ่ทั้งปวง ได้พร้อมกันอัญเชิญ พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวขึ้นครองราชย์ เป็นพระมหากษัตริย์
องค์ที่ 4 แห่งพระบรมราชจักรีวงศ์ ทรงดำรงสิริราชสมบัติเป็นเวลา 18 ปี จึงเสด็จสวรรคต เมื่อวันที่ 1 ตุลาคม พ.ศ. 2411
              พระราชกรณียกิจต่าง ๆ นอกจากด้านการต่างประเทศ การพระศาสนา การทะนุบำรุงพัฒนาบ้านเมืองบำรุงศิลป
วัฒนธรรมแล้วยังทรงสนพระทัยด้านวิทยาการแผนใหม่อย่างยิ่ง ในสมัยของพระองค์ นับเป็นอรุณรุ่งแห่งการนับอารยะธรรม
ตะวันตก ด้วยทรงถึงเวลาแล้วที่จะต้องปรับปรุงกิจการบ้านเมืองให้ก้าวหน้าทันกันความเปลี่ยนแปลงในโลก ทรงสนับสนุนให้มีการศึกษา ศิลปวิทยาแผนใหม่ทั้งหลายที่มีประโยชน์ต่อการสร้างความเจริญให้แก่ประเทศดังปรากฎว่ามีสิ้งริเริ่มใหม่ ๆ เกิดขึ้นมากมายเช่น วิชาการต่อเรือใบ เรือกลไฟ เรือรบ การสั่งซื้อเครื่องจักรเข้ามาผลิตเหรียญกษาปณ์ การฝึกหัดทหารและได้จัดซื้ออาวุธยุทโธปกรณ์อย่างยุโรป
              พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงได้รับยอกย่องในพระราชสมัญญานามว่า พระบิดาแห่งวิทยาศาสตร์ไทยเพราะทรงพระปรีชาสามารถ ทรงศึกษาเชี่ยวชาญภาษาต่างประเทศหลายภาษา เช่น บาลี อังกฤษ ละตินเป็นพิเศษ สำหรับ
พระปรีชาสามารถและอัจฉริยะทางดาราศาสตร์ ทรงศึกษาโดยพระองค์เองจากตำราไทยและมอญ ซึ่งแปลจากตำราโบราณของฮินดู และทรงศึกษาตำราดาราศาสตร์และคณิตศาสตร์จากยุโรป จนสามารถคำนวณได้ล่วงหน้าถึง 2 ปีว่า จะเกิดสุริยุปราคาเต็ม ดวงในวันที่ 18 สิงหาคม พ.ศ.2411 และเห็นได้อย่างชัดเจนในประเทศไทยที่บ้านคลองลึก ตำบลหว้ากอ จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ดังกล่าวมาแล้วในตอนต้นเป็นเหตุให้ทรงได้รับการยกย่องจากวงการวิทยาศาสตร์ของชาติมหาอำนาจในยุคนั้นเป็นอย่างสูง
              พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงได้รับทูลเกล้า ฯ ถวายพระเกียรติ ให้ทรงเป็นสมาชิกกิตติมศักดิ์ของสัตว์ วิทยาสมาคมแห่งสหราชอาณาจักร บรรดาประมุขของต่างประเทศในยุโรปอเมริกาต่างพากันตระหนักดีว่า ทรงสนพระทัยวิทยาศาสตร์ยิ่งนักในจำนวนเครื่องราชบรรณาการ  จึงมักมีเครื่องมือและหนังสือทางวิทยาศาสตร์รวมอยู่ด้วยเสมอ  เช่น พระนางเจ้าวิกตอเรียแห่งสหราชอาณาจักร (อังกฤษ) ได้ถวายกล้องโทรทรรศน์ ซึ่งเซอร์ ยอนบาวริ่ง ได้บันทึกไว้ว่า กล้องที่นำมาถวายมีคุณภาพต่ำกว่ากล้องโทรทรรศน์ที่ทรงมีอยู่แล้วเสียอีก กล่าวกันว่าในห้องส่วนพระองค์จะมีเครื่องมือวิทยาศาสตร์เหมือนห้องนักปราชญ์ ราชบัณฑิตที่มีชื่อเสียงและมั่งคั่งของโลกในสมัยนั้นทีเดียว
               ทรงเป็นนักปฏิบัติทดลองรวบรวมข้อมูล  ทรงวัดเส้นรุ้งเส้นแวงด้วยพระองค์เอง  ทรงสร้างหอดูดาวขึ้นที่เขาหลวง จังหวัดเพชรบุรี  ทรงตั้งเวลามาตรฐานของไทย  โดยโปรดให้สร้างนาฬิกาขึ้นในพระบรมมหาราชวัง  และตั้งเวลามาตรฐานเพื่อให้ชาวต่างประเทศในเมืองไทยด้วย
              ทรงแก้ปัญหาบ้านเมืองบางประการ โดยอาศัยหลักวิทยาศาสตร์ คือมีเหตุผลรายละเอียดถี่ถ้วน ไม่เชื่อโชคลาง อาทิ เช่น ประกาศเรื่องป่วงใหญ่ และประกาศดาวหาว มีความว่า
              "….ที่คิดว่าโรคป่วงใหญ่ เป็นกองทัพภูตผีปีศาจนั้นไม่ถูกต้อง และคนทั้งปวงคิดจะคุ้มครองตนเองโดยการบ่น คาถา ภาวนาพิธีต่าง ๆ  และอ้อนวอนต่อเทวดาเทพบุตรเทพธิดา  และผีปีศาจต่าง ๆ นั้นขอให้ช่วยคุ้มครอง  การบรวงสรวงบูชายัญเสียกบาลด้วยวิธีต่าง ๆ เป็นที่น่าเกลียดน่าชัง น่าหัวร่อ "
             
 เรื่องดาวหางขึ้นทรงปลอบใจว่าอย่าได้วิตก ทรงชี้ให้เห็นว่าเป็นเพียงปรากฎการณ์ธรรมชาติ ทรงแนะวิธีแก้ความเชื่อ
ไว้ว่าถ้ากลัวฝนแล้งก็ให้รีบทำนาเสียขณะที่มีฝนอยู่ ถ้าครอบครัวใดไม่ได้ทำนาก็ให้จัดซื้อข้าวไว้ให้พอกิน ถ้ากลัวฝีดาษก็ให้มาปลูกฝีเสียที่โรงทาน….. "ถ้าดาวหางมาบนฟ้าโกรธขึ้งหึงสาพยาบาทอาฆาตแค้นอะไรอยู่กับเจ้านาย มาแล้วจะไม่มาตรงไล่เอาเจ้านายทีเดียวไม่เห็นจริงด้วย"

          บันทึกพิเศษ การเสด็จทอดพระเนตรสุริยุปราคาที่หว้ากอ
            ในทัศนะของชาวต่างประเทศต่างก็มีความคิดเห็นแตกต่างกันไป ทั้งๆที่ยอมรับโดยสนิทใจว่า พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงเป็นนักวิทยาศาสตร์ที่เชี่ยวชาญและประสบความสำเร็จอย่างแท้จริง เพราะพระองค์ทรงสามารถคำนวณและประกาศ
อย่างเป็นทางการไว้ล่วงหน้าถึง 2 ปี ว่าจะมีสุริยุปราคาหมดดวงเห็นได้ในประเทศไทยและกำหนดสถานที่ ณ ตำบลหว้ากอ แขวงเมืองประจวบคีรีขันธ์ ริมฝั่งทะเลตรงข้ามเกาะจานไว้อย่างชัดเจนล่วงหน้าด้วย สำหรับฝรั่งเศส-เดิมเลือกที่ช่องแคบมะละกา ต่อมา
ให้เปลี่ยนอีกตามคำแนะนำของกงสุลฝรั่งเศสประจำประเทศไทยว่า ควรเป็นชายฝั่งทะเลตะวันออกของอ่าวไทย ซึ่งทางฝรั่งเศสเองก็พยายามเที่ยวค้นหาที่จะดูหลายตำบล ตั้งแต่เมืองชุมพรขึ้นมาจนถึงเมืองปราณบุรีก็หาไม่ได้ ในที่สุดคณะวิทยาศาสตร์ฝรั่งเศสก็ขอพระบรมราชานุญาตมาตั้งโรงที่จะดูสุริยุปราคาในบริเวณค่ายหลวงตำบลหว้ากอ ต่ำลงไปทางใต้พลับพลาค่ายหลวงประมาณ 18 เส้น จึงประสบความสำเร็จด้วยพระบารมีแห่งพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวโดยแท้
            การเสด็จไปทอดพระเนตรสุริยุปราคาที่ตำบลหว้ากอ แขวงเมืองประจวบคีรีขันธ์ ในเดือนสิงหาคม 2411 นั้น มีสิ่งสำคัญ
ที่ควรทราบ คือ
            1.
ในห้วงเวลานั้นเป็นฤดูฝน พื้นภูมิประเทศเป็นป่าเขามีไข้ป่าชุกชุม การเดินทางก็ลำบากและต้องฟันฝ่าอันตรายมากเหตุใดจึงทรงมีพระราชอุตสาหะแรงกล้าถึงเพียงนั้น ก็เป็นเพราะว่าสุริยุปราคาที่จะเห็นได้หมดวงในประเทศไทยนี้ยังไม่เคยมีมาแต่ก่อน จนถึงในตำราโหรของไทยว่า สุริยุปราคาไม่มีที่จะหมดดวงได้ ครั้นพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงคำนวณทราบเป็นพระองค์แรกในประเทศหรือในโลกก็ได้ว่า จะเห็นสุริยุปราคาหมดดวงในประเทศไทย ณ ตำบลหว้ากอ แขวงเมืองประจวบคีรีขันธ์ ในวันจันทร์ที่ 18 สิงหาคม 2411 โดยได้ทรงคำนวณสอบสวนกับตำราสารัมภ์ ไทย มอญ และของอังกฤษอเมริกันแล้วเป็นที่แน่ชัดจึงได้ทรงประกาศเป็นทางการล่วงหน้าก่อนถึง 2 ปี ด้วยเหตุนี้พระองค์มิได้ทรงเกรงความยากลำบากและอันตรายใดๆที่จะเสด็จไปทอดพระเนตรสุริยุปราคาเพื่อทรงพิสูจน์ด้วยพระองค์เอง
            2.
การเตรียมสถานที่และเตรียมการด้านต่างๆนับเป็นเรื่องสำคัญมาก แสดงถึงความละเอียดรอบครอบและการที่ทรงมีวิจารณญาณ เห็นการณ์ไกลเกี่ยวกับเกียรติภูมิและความสัมพันธ์อันดีกับประเทศมหาอำนาจ เพื่อความมั่นคงและอนาคตของประเทศ
ตามพระราชพงศาวดารกล่าวไว้ว่า พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้า ฯ มีพระบรมราชโองการดำรัสสั่ง ท่านเจ้าพระยาศรีสุริยวงศ์ว่าที่สมุหพระกลาโหม ให้เป็นแม่กองไปสร้างค่ายหลวงและพลับพลาที่ประทับแรม ณ ตำบลหว้ากอ ตรงหน้าเกาะจานเข้าไปห่างจากคลองวาฬลงไปทางใต้ประมาณ 24 เส้น โดยให้จัดการจ้างคนในหัวเมืองเพชรบุรี เมืองปราณบุรี เมืองประจวบ
คีรีขันธ์ เมืองกำเนิดนพคุณ เมืองประทิว และนายงานหลายนายทำการก่อสร้างค่ายหลวงพลับพลาที่ประทับและทำเนียบรับรองแขกเมือง สถานที่บริเวณก่อสร้างอยู่ริมหาด ซึ่งเป็นป่าไม้อยู่ก่อนแล้วมาแผ้วโก่นโค่นสร้างในคราวนี้ แล้วปลูกพลับพลาและทำเนียบ
เป็นอันมากสำหรับข้าราชการต่างๆในราชสำนักและแขกเมืองชาวยุโรปพักอาศัย สมเด็จพระเจ้าแผ่นดินประทับในค่ายหลวงตำหนักที่ประทับทำด้วยไม้ชั่วคราว เป็นตำหนัก 3 ชั้นทำเนียบแห่งอื่นปลูกเป็นเรือนชั้นเดียวแต่ยกพื้นสูงจากพื้นดินประมาณ 3 ฟุตทุกหลังทำเนียบเหล่านี้สร้างด้วยไม้ไผ่ผ่าซีกแทบทั้งหมด มุงด้วยจากบ้างใบตาลแห้งบ้าง ทำเนียบหมู่หนึ่งก็มีรั้วทำด้วยกิ่งไม้อย่างเรียบร้อย ล้อมรอบมิดชิดมองไม่เห็น และในบริเวณหรือลานทำเนียบมีโรงที่อยู่สำหรับคนใช้ และบริวารเป็นอันมากท้องพระโรงยาวประมาณ 80 ฟุต กว้าง 80 ฟุต อยู่ด้านตะวันออกของพลับพลาที่ประทับแรม มีพระทวารสองข้าง กับทั้งมีพระทวารที่ตรงกลางทางด้านยาว  ซึ่งเป็นทางที่เข้าไปได้อีกช่วงหนึ่ง ที่ประทับยกพื้นสูงราว 3  ฟุต  อยู่ใกล้ชิดกับพระทวารทางที่จะเข้าไปข้างในพลับพลาที่ยกพื้นกับรั้วลูกกรงทั้งเสาและผนังห้องท้องพระโรงดาดด้วยผ้าสีแดง มีพระเก้าอี้ตั้งอยู่บนราชบัลลังก์มีโต๊ะเล็กอยู่ทางขวา เต็มไปด้วยหีบทองและภาชนะบรรจุพระศรีพระโอสถ พระสุธารสและสิ่งของเครื่องราชูปโภคต่างๆ ทางใน
ระหว่างพระทวาร และที่ประทับกันไว้เป็นช่องระหว่างสำหรับแขกเมืองเฝ้า  และลองข้างช่วงนี้ในระยะประมาณครึ่งทาง เป็นที่ท่านเสนาบดีผู้ใหญ่เข้าเฝ้า ทำเนียบของแขกฝรั่งยาวประมาณ 140 ฟุต กว้าง 50 ฟุต เป็น 2 หลังโดด หลังใหญ่มีห้องโถงอยู่กับพื้น สามารถจุคน
ในเวลาเลี้ยงได้ 40-50 คน และสองข้างยกพื้นสูงประมาณ 3 ฟุต ทำเป็นห้องเล็กๆเป็นแถวรวม 12 ห้อง สำหรับเป็นที่พักอาศัยของพวกผู้ว่าราชการ มุมสุดเป็นสถานที่เล็กๆหลังหนึ่ง มีห้องนอน 2 ห้อง ห้องแต่งตัว 2 ห้อง มีระเบียงเป็นห้องนั่งเล่น สำหรับ แขกได้สบาย เรือนตอนนี้ตีฝาและยกพื้นด้วยไม้จริง นอกนั้นทำด้วยไม้ไผ่ซีกทั้งสิ้น ด้านอาหาร มีผู้ว่าราชการ พระฤาษีสมบัติบริบูรณ์กับพ่อครัวจีน และข้าราชการรับหน้าที่จัดดูแลเรื่องอาหารเลี้ยงแขกเมือง
และแขกฝรั่งทั้งหมดที่อยู่ในกรุงเทพ และที่รับราชการในพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวได้รับเชิญไปดูสุริยุปราคา และโปรพระราชทานเลี้ยงอาหารฝรั่งตลอด โดยพ่อครัวฝรั่งเศสพร้อมด้วยชาวอิตาลี 1 คน และลูกมือชาวเมืองอีกหลายคน การเลี้ยงดู ก็จัดอย่างบริบูรณ์และประณีต บรรดาของอร่อยที่จะสามารถหามาได้จากประเทศต่างๆ เช่น สิงคโปร์ กรุงเทพรวมทั้งเหล้า และเหล้าองุ่นต่างๆ น้ำแข็งก็มีบริบูรณ์ แขกฝรั่งพากันกล่าวว่า นับเป็นที่พักอาศัยอันอุดมที่สุดในป่าแห่งประเทศสยามทีเดียว
            3.
เครื่องมือและกล้องส่องดูดาว  พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว   ซึ่งเมอร์ซิเออร์ สเตฟาน   หัวหน้าคณะนักวิทยาศาสตร์ฝรั่งเศสที่เข้ามาตั้งเครื่องดูสุริยุปราคาที่หว้ากอ มีความเห็นว่า กล้องของพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวมีคุณภาพดีเป็นจำนวนมาก ซึ่งนับว่าวิเศษสำหรับประเทศสยาม พระองค์ทรงสนพระทัยยิ่งในวิชาดาราศาสตร์ และพระองค์ได้
พระราชทานพระราชหัตถเลขาฉบับหนึ่ง  ซึ่งเป็นหลักฐานยืนยันได้ว่า   พระองค์ทรงรอบรู้วิชาวิทยาศาสตร์ลึกซึ้งเพียงใด แต่ พระองค์ ทรงถ่อมพระองค์มาก การเสด็จมาหว้ากอครั้งนี้ก็เพราะแรงผลักดันที่จะได้ทรงพิสูจน์การศึกษาแนวทางวิทยาศาสตร์ของพระองค์เป็นประการหนึ่ง
            4.
การที่ทรงโปรดเกล้า ฯ ให้เชิญ เซอร์ แฮรี่ ออด ผู้สำเร็จราชการมลายูของอังกฤษซึ่งประจำอยู่ ณ เมืองสิงคโปร์ และภริยามาเป็นอาคันตุกะส่วนพระองค์ และทรงพระราชทานพระบรมราชานุญาตให้คณะวิทยาศาสตร์ฝรั่งเศส เข้ามาตั้งกล้องส่องดูดาวร่วมด้วยได้ที่ตำบลหว้ากอ โดยมีเครื่องกล้องใหญ่น้อยหลายอย่างที่ทันสมัย ประมาณ 50 อันเศษ นับเป็นวิเทโศบายอันชาญฉลาดที่ได้ทรงสร้างสัมพันธ์ไมตรีกับอังกฤษและฝรั่งเศส ซึ่งเป็นประเทศมหาอำนาจที่ยิ่งใหญ่ในยุโรป อย่างมีเกียรติและสมศักดิ์ศรียิ่งโดยเฉพาะได้ทรงเปลี่ยนแปลงปรับปรุงขนบธรรมเนียมเก่าที่ฝรั่งเห็นว่าเป็นเครื่องถ่วงความเจริญ ซึ่ง เซอร์ แฮรี่ ออด   มีข้อสังเกตว่าในพระราชสำนักได้เปลี่ยนแปลงอย่างมาก  มิเคยปรากฏมาแต่ก่อนเช่น การเปิดพระราชมนเทียรพระราชทานให้แขกเมืองเข้าไปได้ไม่หวงห้าม  โปรดให้พบปะกับฝ่ายในให้ออกมารับแขกเมืองโดยเปิดเผย  ส่วนเจ้านายในราชสกุลที่ทรงพระเยาว์ก็ทรงยอมให้สมาคมกับแขกเมืองได้อย่างฉันมิตรสนิทสนม พระเจ้าแผ่นดินและขุนนางของพระองค์ สมาคมกับแขกเมืองอย่าง ยอมให้อิสระเท่าเทียมกัน การเปลี่ยนแปลงเหล่านี้นับเป็นครั้งแรกที่เกิดขึ้นในประเทศไทย ซึ่งฝรั่งเห็นว่าเป็นประเทศหนึ่ง ในชนชาติที่เปลี่ยนแปลงได้ยาก เหตุการณ์ที่ฝรั่งได้มาประสบพบเห็นด้วยตนเองนี้ ทำให้ชาวฝรั่งเกิดความประทับใจ และมั่นใจว่าประเทศไทยมีทางจะก้าวหน้าได้อย่างรวดเร็ว เพราะไม่มีนโยบายปิดประตู และมีการสมาคม
กับชาวฝรั่งอย่างมีเกียรติ
            
ที่สำคัญอีกประการหนึ่งคือ พระองค์ได้ทรงทอดพระเนตรและทรงศึกษาเครื่องมือและกล้องส่องดูดาว ตลอดจนเครื่องมือทางวิทยาศาสตร์ที่ทันสมัยของอังกฤษ และฝรั่งเศสพร้อมกันไป  นับว่าเป็นประโยชน์ในการที่จะพัฒนา  วิชาวิทยาศาสตร์ให้เจริญก้าวหน้าต่อไปด้วย
            
คณะกรรมการสมาคมวิทยาศาสตร์แห่งประเทศไทยได้เพียรพยายามที่จะหาหลักฐานต่าง ๆ เพื่อจะชี้ให้เห็นชัดเป็นข้อยุติ ว่า ณ ที่ใดที่บ้านหว้ากอ (ในปัจจุบันนี้) เป็นที่ตั้งค่ายหลวงและพลับพลาที่ประทับแรมที่ทรงกล้องทอดพระเนตรสุริยุปราคา
จึงได้ ออกกันไปศึกษาสภาพพื้นที่ 2-3 ครั้ง ครั้งหลังเมื่อวันที่ 26 มีนาคม 2524 คณะที่ออกไปสำรวจร่วมกับทางจังหวัดประจวบคีรีขันธ์เท่าที่จำได้มี ดร. ระวี ภาวิไล ดร. ประโชติ เปล่งวิทยา ดร. ทวีศักดิ์ ปิยะกาญจน์ ดร. ขาว เหมือนวงศ์ ดร. ธีระชัย ปูรณโชติ คุณระรินทิพย์ ทรรทานนท์ ทางจังหวัดประจวบ ฯ ก็มี ข้าพเจ้าผู้ว่าราชการจังหวัด ฯ ศึกษาธิการจังหวัด ผู้ช่วยศึกษา ธิการจังหวัดนายอำเภอเมือง เป็นต้น ดังปรากฏในภาพ ทั้งทางพื้นดินและทางอากาศประกอบ ก็ยังหาข้อยุติไม่ได้ชัดเจนนัก เพราะยังหาหลักฐานสำคัญ ๆ ไม่พบ แต่ก็พอจะอนุมานได้ว่าเป็นบริเวณนั้น ๆ ซึ่งก็ใกล้เคียงมาก และทางจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ก็ได้ให้
ความร่วมมือเป็นอย่างดีกับสมาคมวิทยาศาสตร์แห่งประเทศไทย ในเรื่องหล่อพระบรมรูปพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวและกระทรวงศึกษาธิการในเรื่องการสร้างสวนสาธารณะ หรือสวนสมเด็จพระศรีนครินทร์ รวมในที่เดียวกัน ซึ่งคาดว่าจะเริ่มใน
ปลายปี 2525 นี้
เพื่อเป็นอนุสรณ์แห่งการเสด็จไปทรงทอดพระเนตรสุริยุปราคา ณ ตำบลหว้ากอ จึงใคร่ขอเสนอหมายกำหนดการและพระราชกรณียกิจโดยสังเขป ดังต่อไปนี้
            
วันศุกร์ที่ 7 สิงหาคม 2411 เวลา 10.50 น. ตรงกับเดือน 9 แรม 4 ค่ำ ปีมะโรง สัมฤทธิศก จุลศักราช 1230 เสด็จพระราชดำเนินโดยเรือพระที่นั่ง อรรคราชวรเดชออกจากท่านิเวศวรดิษฐ์ เวลา 12.15 น. ถึงสมุทรปราการจอด 3 ช.ม.เศษ ถึง 16.15 น. ออกเดินทางต่อ
            
วันเสาร์ที่ 8 สิงหาคม 2411 ตรงกับเดือน 9 แรม 5 ค่ำ เวลาย่ำรุ่งถึงเขาสามร้อยยอด เมืองปราณบุรี และเดินทางต่อ โดยไปหยุดถึงเกาะหลักเวลา 10.00 น. เวลา 12.00 น. ถึงหน้าค่ายหลวง ต.หว้ากอ ทอดสมออยู่ 6 ช.ม. โปรดเกล้า ฯให้ลอย เรือไปทอดประทับแรมที่อ่าวมะนาวเหนือพลับพลาไปทางเหนือประมาณ 200 เส้นเศษ
            
วันอาทิตย์ที่ 9 สิงหาคม 2411 ตรงกับเดือน 9 แรม 6 ค่ำประทับแรมในเรือพระที่นั่ง ณ อ่าวมะนาว
            
วันจันทร์ที่ 10 สิงหาคม 2411 ตรงกับเดือน 9 แรม 7 ค่ำเวลาเย็น เสด็จขึ้นฝั่ง ทรงม้าพระที่นั่งจากอ่าวมะนาวไปถึง
พลับพลาค่ายหลวง ตำบลหว้ากอ เวลาย่ำค่ำประทับแรมเป็นคือแรก
           
วันอังคารที่ 11 สิงหาคม 2411 ตรงกับเดือน 9 แรม 8 ค่ำเวลา 9.00 น. เศษ ได้พระฤกษ์ยกเสาธงและฉัตร ชักธง
พระจอมเกล้าขึ้นที่พลับพลาค่ายหลวง รับสั่งให้ประโคมแล้วทรงจุดปืนใหญ่ด้วยพระหัตถ์ สลุตธง สลับกันกับปืนใหญ่ฝ่ายละ
21
นัด ทั้ง 2 ข้าง ปืนเรือสยามูปสดัมภ์ได้ยิง 21 นัด รวมเป็น 63 นัด เวลา 13.00 น. คณะนักวิทยาศาสตร์ฝรั่งเศส มาเฝ้าที่
พลับพลา 8 นาย พระราชทานทองคำบางสะพานทุกนาย
            
วันพุธที่ 12 สิงหาคม 2411 ตรงกับเดือน 9 แรม 9 ค่ำ นายทหารเรือรบฝรั่งเศส 12 นายขึ้นมาเฝ้าที่พลับพลา
พระราชทานทองคำบางสะพานทุกนาย
            
วันพฤหัสบดีที่ 13 สิงหาคม 2411 ตรงกับเดือน 9 แรม 10 ค่ำเวลาเช้า กัปตันเรือรบฝั่งฝรั่งเศสทูลเชิญสมเด็จ
พระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้าจุฬาลงกรณ์ กรมขุนพินิตประชานารถเสด็จชมเรือรบ โปรดเกล้า ฯ ให้ท่านเจ้าพระยาศรีสุริยวงศ์ตาม
เสด็จเหมือนอย่างรับกษัตริย์ในประเทศยุโรป  มีทหารทอดกริบ  แลยืนเพลา แล้วยิงปืนใหญ่รับ 21 นัด ทหารประจุปืนปัศตัน
ลุกขึ้นลากพุ่งออกมากระชากเอาแขนขาดตาย 1 คน ครั้นเวลาก่อนเที่ยง ทรงวัดแดด สอบแผนที่ที่ตั้งค่ายหลวง เวลา 17.00 น.
เศษ เสด็จพระราชดำเนินไปเยี่ยมคณะนักวิทยาศาสตร์ฝรั่งเศส ณ ที่พักจนค่ำจึงเสด็จกลับ
            
วันศุกร์ที่ 15 สิงหาคม 2411 ตรงกับเดือน 9 แรม 11 ค่ำ เวลา 19.00 น. เศษ มิสเตอร์อาลบาสเตอร์ ผู้ว่าราชการแทน
กงศุลอังกฤษขึ้นไปเฝ้าที่พลับพลา โปรดให้ยิงปืนรับ 7 นัด
            
วันเสาร์ที่ 15 สิงหาคม 2411 ตรงกับเดือน 9 แรม 12 ค่ำ เวลา 19.00 น. เรือเจ้าพระยาเดินทางกลับ มาถึงค่ายหลวง
ทรงรับหนังสือข่าวสารต่างๆหลายฉบับ กับของที่สั่งซื้อจากลอนดอนสำหรับแจกในพระราชพิธีโสกันต์อีกมาก (เตรียมการ โสกันต์สมเด็จเจ้าฟ้าจารุรนต์รัศมี กรมพระจักรพรรดิพงศ์)
           
วันอาทิตย์ที่ 16 สิงหาคม 2411 ตรงกับเดือน 9 แรม 13 ค่ำ เวลา 09.00 น. เซอร์ แฮรี่ ออด เจ้าเมืองสิงคโปร์มาถึง ด้วยเรือกลไฟ 3 ลำ โปรดเกล้า ฯ ให้หลวงพิเศษพจนการ (ต่อมาได้เป็นพระยาอรรถราชนาถภักดี ใน ร.5 ) เป็นข้าหลวงไป
เยี่ยมเยียน
           
จันทร์ที่ 17 สิงหาคม 2411 ตรงกับเดือน 9 แรม 14 ค่ำ เจ้าเมืองสิงคโปร์ขึ้นมาเฝ้าที่พลับพลาค่ายหลวง โปรดให้ยิง ปืนให้สลุตรับ 11 นัด พระราชทานทองคำบางสะพานตั้งแต่เจ้าเมืองสิงคโปร์และนายทหารเรือที่ขึ้นมาเฝ้าทุกคน แล้วให้ไปอยู่
ที่เรือนพักซึ่งจัดไว้ต้อนรับ
           
วันอังคารที่ 18 สิงหาคม 2411 ตรงกับเดือน 9 ขึ้น 1 ค่ำ เวลา 08.00 น. เจ้าพนักงานเตรียมกล้องใหญ่น้อยเครื่องทรง
ทอดพระเนตรสุริยุปราคา
                 
เวลา 10.03 น. เสด็จออกทรงกล้องแต่ท้องฟ้าเป็นเมฆฝนคลุมไปในด้านตะวันออกไม่เห็นอะไรเลย จนถึงเวลา 10.16 น.
เมฆจึงจางสว่างออกไปเห็นดวงอาทิตย์ไรๆ แลดูพอรู้ว่าจับแล้ว จึงประโคมเสด็จสรงมุรธาภิเษก
                 
เวลา 11.20 น. แสงแดดอ่อนลงมา ท้องฟ้าตรงดวงอาทิตย์สว่างไม่มีเมฆเลย ที่อื่นแลเห็นดาวใหญ่ด้านตะวันตกและ
ดาวอื่น ๆ มากหลายดวง
                 
เวลา 11.36 น. 20 วินาที จับสิ้นดวง กินเวลา 6 นาที 45 วินาที เวลานั้นมืดเป็นเหมือนเวลากลางคืน เวลาพลบค่ำ
คนที่นั่งใกล้ๆก็แลดูไม่รู้จักหน้ากัน พระราชทานเงินแจกพระบรมวงศานุวงศ์และข้าราชการผู้ใหญ่น้อย ซึ่งตามเสด็จพระราช
ดำเนินออกโดยทั่วกัน
                 
เวลา 13.37 น. 45 วินาที อุปราคาคลายถึงโมกขบริสุทธิ์
                 
เวลา 17.00 น. เสด็จไปเยี่ยมเจ้าเมืองสิงคโปร์
                 
เวลา 22.00 น. โปรดเกล้า ฯ ให้เจ้าเมืองสิงคโปร์กับคณะนักวิทยาศาสตร์ฝรั่งเศส นายทหารเรือรบฝรั่งเศส กับชาว
ยุโรปที่รับราชการอยู่ในประเทศไทยหลายนายเข้าเฝ้าชมละคร ระบำ และฟังดนตรี ณ ท้องพระโรง
          
วันพุธที่ 19 สิงหาคม 2411 ตรงกับเดือน 9 ขึ้น 2 ค่ำ เวลา 09.00 น. เศษ เจ้าเมืองสิงคโปร์ขอถ่ายพระรูปแต่เครื่องถ่าย ขัดข้อง ถ่ายไม่ได้ แล้วทรงพระราชทานพระบรมราชานุญาตให้เซอร์ แฮรี่ ออด กับ ภริยา เข้าไปลาข้าราชการฝ่ายในโดย
พระองค์เสด็จทรงนำไป เวลา 15.15 น. เสด็จลงเรือพระที่นั่ง อรรถราชวรเดชทหารปืนใหญ่ยิงสลุตส่งเสด็จ 21 นัด ทหารที่ยิง
ปืนปัศตันลุกขึ้นลากพุ่งออกมากระชากเอาแขนขาดไปข้างหนึ่งตายในที่นั่น เรือพระที่นั่งออกจากที่จอดหน้าค่ายหลวงใช้จักร เสด็จกลับคืนกรุงเทพมหานคร
                  
ระหว่างเดินทางถึงเกาะหลัก เวลา 16.30 น. มีพระบรมราชโองการดำรัสให้เอาตัวข้าราชบริหาร 4 นาย ที่ทรงจับ
ไว้ว่าลักลอบเล่นไพ่บนดาดฟ้าชั้นบน ลงเรือโบตไปปล่อยเสียที่ฝั่ง
                 
ครั้นเวลา 17.20 น. ออกจากหน้าเกาะหลัก มาจอดทอดสมอที่หน้าเขาตะเกียบเวลาค่ำ ประทับแรมบนเรือ
                 การที่นำเหตุการณ์ตอนนี้มาลงไว้ออกจะเป็นเกร็ดเล็กน้อยมากไป แต่ก็ประสงค์ที่จะแสดงพระราชอัธยาศัยที่เข้มงวด
ต่อการใช้เวลาให้เป็นประโยชน์อย่างจริงจัง อันเป็นคุณสมบัติของนักวิทยาศาสตร์ นักการศึกษาทั้งหลาย หรือเป็นอุปนิสัยพื้นฐาน
ของผู้รักความเจริญก้าวหน้า ซึ่งถ้าผู้ใดพูดว่ารักความเจริญก้าวหน้าก็ควรจะได้ใช้เวลาให้เป็นประโยชน์อย่างแท้จริง จึงจะเรียก
ได้ว่าพูดจริงทำจริง
           
วันพฤหัสบดีที่ 21 สิงหาคม 2411 ตรงกับเดือน 10 ขึ้น 3 ค่ำ เวลา 11.00 น. เศษ เสด็จขึ้นทอดพระเนตรหาดและบน
ฝั่งจนถึงเวลา 17.00 น. เสด็จกลับขึ้นประทับในเรือพระที่นั่ง
                  
เวลา 23.00 น. เศษ เสด็จออกจากหน้าเขาตะเกียบใช้จักรมุ่งสู่กรุงเทพมหานคร
            
วันศุกร์ที่ 21 สิงหาคม 2411 ตรงกับเดือน 10 ขึ้น 4 ค่ำ เวลา 08.15 น. ถึงพระสมุทรเจดีย์ เสด็จขึ้นทรงนมัสการ
เวลา 09.27 น.ออกจากพระสมุทรเจดีย์ เวลา 12.06 น.เรือพระที่นั่งเทียบท่านิเวศน์วรดิษฐ์เสด็จขึ้นทรงที่พระที่นั่งราชกิจวินิจฉัย
ให้ลงพระราชอาชญาหมื่นวิเศษในกรมพระแสงปืนต้น ผู้เป็นเจ้าของไพ่ 30 ทีแล้วให้เอาตัวพวกที่เล่นไพ่ไปขัดศิลาที่วังสราญรมย์ แล้วเสด็จขึ้นในพระบรมราชวัง
            
วันเสาร์ที่ 22 สิงหาคม 2411 ตรงกับเดือน 10 ขึ้น 5 ค่ำ เวลา 09.00 น. เศษ เสด็จออกพระที่นั่งอนันตสมาคม
มีพระบรมราชโองการรับสั่งถามพระโหราธิบดีว่า สุริยุปราคาที่กรุงเทพมหานครจับกี่ส่วน ยังเหลือกี่ส่วน พระโหราธิบดีและโหร มีชื่อกราบทูลพระกรุณาไม่ถูก ทรงพระพิโรธให้ไปขัดศิลาที่วังสราญรมย์อยู่ 1 วัน แล้วให้ทำทัณฑกรรมไว้ภายใต้ห้องอาลักษณ์
ลูกประคำหอยโข่งสวมคอ กินข้าวน้ำด้วยกลากาบหมากเป็นภาชนะใส่กับข้าวอยู่ 8 วัน จึงพ้นโทษ
                  
เมื่อเสด็จขึ้น รับสั่งถามท้าวสมศักดิ์ ท้าวโสภาว่าสุริยุปราคาจับเท่าใด ยังเหลือเท่าใด ท้าวสมศักด์ ท้าวโสภา และท่านเฒ่าแก่กราบทูลว่ายังเหลือประมาณนิ้วกึ่ง จึงรับสั่งว่า เขาวัดนิ้วแต่ของผู้ชายดอกกราบทูลก็ไม่ถูก เป็นท้าวนางเสียเปล่าๆให้เฒ่าแก่ท้าวนางไปขัดศิลาที่วังสราญรมย์อยู่ 1 วัน จึงให้พ้นโทษแล้วกริ้วเจ้านายและขุนนางซึ่งอยู่รักษาพระนครว่าไม่บอกการสุริยุปราคาที่กรุงออกไปให้ทรงทราบ แล้วพระเจ้าน้องยาเธอ กรมหลวงวงศาธิราชสนิทได้ทำใบออกไปกราบบังคมทูลมอบไว้ที่หอพระอาลักษณ์ตามพระราชประสงค์
            
วันจันทร์ที่ 24 สิงหาคม 2411 ตรงกับเดือน 10 ขึ้น 7 ค่ำ เวลา 07.00 น. เศษ เสด็จออกทรงปรนนิบัติพระสงฆ์ในพระพุทธนิเวศน์ รับสั่งถามพระราชาคณะด้วยเรื่องสุริยุปราคา พระราชาคณะถวายพระพรไม่ต้องกัน ทรงขัดเคือง
            
เหตุการณ์ตอนนี้เป็นเกร็ดสำคัญที่น่าสนใจมากอีกเรื่องหนึ่ง ที่แสดงถึงบทบาทและหน้าที่ของผู้เป็นพระบรมวงศานุวงศ์ ข้าราชการผู้ใหญ่ผู้น้อยฝ่ายหน้าฝ่ายในที่ได้รับพระราชทานเบี้ยหวัดตามยศถาบรรดาศักดิ์ และพระราชาคณะฐานานุกรมเปรียญ
ที่ได้รับนิตยภัต แต่มิได้คิดฉลองพระเดชพระคุณด้วยความเอาใจใส่สนองพระราชประสงค์เท่าที่ควร นี่คือมูลเหตุที่พระองค์ทรงพิโรธเป็นอันมาก เพราะการพูดและการกระทำที่ไม่ตรงกัน คือ เรามักจะได้ยินคำกราบบังคมทูลว่า มีความจงรักภักดีแต่เวลา
ปฏิบัติไม่ปฏิบัติด้วยความจงรักภักดี ต้องคอยฟังคำสั่งอย่างนี้ ก็จะฟังเป็นว่า จงรักภักดีด้วยเพ้อๆเท่านั้น หากสามารถคิดอ่านช่วยเหลือตามบทบาทของแต่ละคนอย่างเต็มสติกำลังความสามารถและความคิดระเริ่มของตนเองบ้างแล้ว ก็จะกล่าวได้เต็มปาก
เต็มใจว่าจงรักภักดีอย่างแท้จริง น่าชื่นใจ คือทั้งพูดและปฏิบัติอย่างมีน้ำใจหรือมีความรักผิดชอบ เรื่องนี้ควรเป็นอุทธาหรณ์ที่ดี
สำหรับพวกเราทั้งหลายในปัจจุบันนี้ด้วย
            
ครั้นแล้วพระองค์ได้ทรงพระราชนิพนธ์อธิบายถึงสุริยุปราคาที่ได้เห็นที่หว้ากอเป็นอย่างไร เพื่อให้ได้ทราบกันตามจริงและมีรับสั่งให้คัดลอกแบบกันต่อไปถึงเกือบ 50 ราย นับเป็นการเผยแพร่ความรู้ที่ถูกต้องอีกวิธีหนึ่ง
            
พระเกียรติคุณของพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวในเรื่องวิทยาศาสตร์เป็นที่ยอมรับและปรากฏเด่นชัดแก่บรรดานักปราชญ์ นักวิทยาศาสตร์ทั่วโลก ในฐานที่ทรงเป็นนักวิทยาศาสตร์ที่แท้จริง สามารถทรงคำนวณสถานที่ที่จะดูด และเวลาสุริยุปราคาหมดดวงได้อย่างถูกต้องชัดเจน โดยไม่คลาดเคลื่อนเลย นับว่าพระองค์ทรงเป็นนักวิทยาศาสตร์ไทยคนแรกที่มีชื่อเสียงโด่งดังปรากฏไปทั่วโลก ในนาม "คิงมงกุฎ" ซึ่งเซอร์ แฮรี่ ออด ผู้สำเร็จราชการมลายู ณ เมืองสิงคโปร์ มีความเห็นว่า พระองค์ทรงเชี่ยวชาญในวิทยาศาสตร์ ที่ทรงสามารถคำนวณกำหนดวันที่จะเกิดสุริยุปราคาไว้ล่วงหน้าถึง 2 ปี ว่าจะเกิดในวันที่ 18 สิงหาคม 2411 โดยที่เส้นศูนย์ของอุปราคาจะผ่านมาใกล้ที่สุด ณ ตำบลหว้ากอ ในพระราชอาณาจักรสยาม ทางฝั่งทะเลตะวันออกของแหลมมลายู ตรงเส้นวิตถันดร (แลตติดจูต) 11 องศา 38 ลิปดา ทิศเหนือ และเส้นทีรฆันดร (ลองติดจูต) 29 องศา 39 ลิปดา
ทิศตะวันออก อยู่เกือบชิดเชิงเขาหลวง สูง 4,236 ฟุต อันเป็นที่บนพื้นโลก ซึ่งอุปราคาจะปรากฏหมดดวงนานที่สุดด้วย
            
การที่พระองค์ทรงเชิญนักวิทยาศาสตร์ของประเทศมหาอำนาจที่รุ่งเรืองที่สุดในโลกขณะนั้นคือ อังกฤษ และฝรั่งเศสโดยเฉพาะเซอร์ แฮรี่ ออด ผู้สำเร็จราชการมลายู ณ เมืองสิงคโปร์และภริยา มาร่วมดูสุริยุปราคา ณ ตำบลหว้ากอ แขวงเมืองประจวบคีรีขันธ์ พร้อมทั้งโปรดเกล้า ฯ ให้เชิญฝรั่งทุกคนที่ทำงานหรือรับราชการอยู่ในกรุงเทพมหานครมาร่วมด้วยเป็นพิเศษนั่นเป็นการประสมประสานงานมหกรรมทางวิทยาศาสตร์ครั้งยิ่งใหญ่กับการเมืองควบคู่กันไปอย่างแนบเนียนที่สุด คือ มีเรือรบที่สำคัญของอังกฤษ 3 ลำ ชื่อ เรือรบหลวงกราสฮอปเปอร์ เรือรบหลวงซาแคลไลท์ เรือราชการต่างประเทศไปโห ของฝรั่งเศส 2 ลำ คือ
เรือรบหลวงเฟรลอง เรือรบหลวงซาร์ท ของไทยมี 5 ลำ คือ เรือพระที่นั่งอรรคราชวรเดช เรืออรรคเรศรัตนาสน์ เรือสยามูปสดัมภ์เรือยงยศอโยชฌิยา เรือขจรชลคดี รวมเรือรบและเรือราชการต่างประเทศสำคัญๆทั้งสิ้น 10 ลำ นับเป็นการชุมนุมกองเรือรบ
พันธมิตรที่ใหญ่ที่สุดในสมัยนั้น
            
สำหรับบรรดาแขกต่างประเทศจำนวนมาก นอกจากจะได้รับทราบถึงพระปรีชาสามารถในทางวิทยาศาสตร์ของพระองค์ด้วยตนเองแล้ว ก็ยังได้มาเห็นวิธีการทูตสมัยใหม่ที่มีการปฏิรูปหลายอย่างตามที่กล่าวแล้วข้างต้น เป็นโอกาสที่พระองค์ได้ทั้งประจักษ์พยานที่เป็นชาวต่างประเทศมากมาย พร้อมทั้งพระบรมวงศานุวงศ์และเสนาบดี ข้าราชการชั้นผู้ใหญ่จำนวนมากเช่นกันที่สำคัญอีกประการหนึ่งคือ ได้ทรงเพิ่มพูนสัมพันธไมตรีอันอบอุ่นประทับใจในการปรับปรุงเปลี่ยนแปลงขนบธรรมเนียมในพิธีการทูตและ พิธีการในพระราชวังให้ทันสมัยขึ้น จนเป็นที่ประหลาดใจแก่ชาวต่างประเทศมาก และทั้งพระปรีชาสามารถของพระองค์
ในฐานะนักวิทยาศาสตร์คนแรกของไทย และขององค์รัชทายาท คือสมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้าจุฬาลงกรณ์ กรมขุนพินิตประชานาถ ในโอกาสอันสำคัญยิ่งครั้งนั้นด้วย
            
พระราชกรณียกิจ 10 วันที่ตำบลหว้ากอของพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวครั้งนั้นนับเป็นประวัติศาสตร์โลกได้เป็นอย่างดีที่สุด ตามที่ได้พรรณนามาจากหลักฐานต่างๆและจากมโนภาพที่ได้มีโอกาสออกไปสำรวจพื้นที่ร่วมกับคณะกรรมการ
สมาคมวิทยาศาสตร์แห่งประเทศไทย 2 ครั้ง กับที่ได้ไปราชการที่ท้องที่ตำบลหว้าโทน ในปัจจุบันซึ่งเป็นที่ตั้งบ้านหว้ากอในประวัติศาสตร์หลายครั้งข้าพเจ้าในขณะดำรงตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ทำให้เกิดความซาบซึ้งดื่มด่ำในพระราชจริยานุวัตรและพระปรีชาสามารถของพระองค์อย่างลึกซึ้ง ในฐานะที่พระองค์ทรงเป็นนักค้นคว้าที่ทรงมีพระวิริยะ
อุตสาหะเป็นยอด ทรงเป็นนักศึกษาด้วยพระองค์เองเป็นเยี่ยม ทรงเป็นนักสังเกตที่ละเอียดประณีตยิ่ง ทรงเป็นนักปฏิรูปที่ก้าวหน้าตลอดเวลา ทรงเป็นผู้บุกเบิกหรือผู้นำทางวิทยาศาสตร์ของประเทศไทยเป็นพระองค์แรก พระองค์ทรงเห็นการณ์ไกลที่สามารถ
ประสมประสานปัญหาและประโยชน์ต่างๆให้แก้ไขและเกื้อกูลซึ่งกันและกันได้เป็นอย่างดีเยี่ยม สมควรแล้วที่เราชาวไทยจะไดั พร้อมใจกันเฉลิมพระเกียรติคุณอันยิ่งใหญ่และถวายสมัญญาแด่พระองค์ว่า พระบิดาแห่งวิทยาศาสตร์ไทย พระองค์ทรงทำให้โลก สั่นสะเทือนเป็นที่อัศจรรย์ในพระราชกรณียกิจอันเป็นประวัติศาสตร์โลกที่หว้ากอ ซึ่งนำเกียรติยศเกียรติประวัติมาสู่ประเทศไทย ให้ประชาชนคนไทยมีความภาคภูมิใจชั่วกาลนาน ขอเชิญชวนพวกเราชาวไทยได้พร้อมใจกันสืบทอดเจตนารมย์อันสูงส่งด้วยเกียรติคุณทางวิทยาศาสตร์ของพระองค์ท่าน ให้เจริญุร่งเรืองมั่นคงเป็นพื้นฐานในการพัฒนาชาติบ้านเมืองอันเป็นที่รัก
ของเราสืบต่อไป
            
ทางด้านรัฐบาล คณะรัฐมนตรี ได้มีมติเมื่อ 14 เมษายน 2525 อนุมัติให้วันที่ 18 สิงหาคม เป็นวันวิทยาศาสตร์แห่งชาตินับเป็นข่าวที่น่าปลื้มปิติยินดีเป็นอย่างยิ่ง เพราะเป็นการเพิ่มพูนกำลังใจแก่บรรดานักวิทยาศาสตร์ไทย จักได้เห็นคุณค่าความสำคัญและเกียรติของนักวิทยาศาสตร์ไทยมากยิ่งขึ้น และต่อไปพวกเราชาวไทยก็จะได้มีโอกาสแสดงความกตัญญูกตเวทิคุณแด่องค์ พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว พระบิดาแห่งวิทยาศาสตร์ไทยให้ปรากฏต่อพระบรมราชานุสาวรีย์พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ในวันที่ 18 สิงหาคมเป็นประจำทุกปี
เหตุผลที่ทรงชื่นชอบ พระบาทสมเด็จจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว
เนื่องจากพระองค์ทรงเป็นตัวอย่างที่ดีให้กับคนไทยในด้านวิทยาศาสตร์ ต่อคนไทยแม้ในขณะนั้นจะยังมีเครื่องมือไม่พร้อมแต่พระองค์ก็ยังทรงชอบทางด้านวิทยาศาสตร์และได้คำนวณสุริยุปราคาได้อย่างถูกต้อง เลยถูกยกย่องให้เป็นบิดาทางด้าวิทยาศาตร์